ประยุทธ์ ประชุม ศบค. ชุดเล็ก เตรียมพร้อมก่อน ประชุมชุดใหญ่พรุ่งนี้

ประยุทธ์ ประชุม ศบค. ชุดเล็ก เตรียมพร้อมก่อน ประชุมชุดใหญ่พรุ่งนี้

ประยุทธ์ เรียก ประชุม ศบค. ชุดเล็ก เตรียมพร้อม ประชุม ศบค. ชุดใหญ่พรุ่งนี้ โดยพรุ่งนี้เล็งหารือคือพิจารณาการผ่อนคลายมาตรการโควิด พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่ากระทรวงกลาโหม ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กว่าในวันนี้ นายกฯได้เข้าประชุม ศบค. ชุดเล็ก ก่อนการประชุมชุดใหญ่ในวันพรุ่งนี้ โดยประเด็นหลักในการประชุมวันพรุ่งนี้ คือการพิจารณาการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19

โดยข้อความระบุว่า “วันนี้มีการประชุม ศบค. ชุดเล็กก่อนประชุมชุดใหญ่วันพรุ่งนี้ 

โดยประเด็นสำคัญในวันพรุ่งนี้คือพิจารณาการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 เช่น การปรับพื้นที่ประกาศใช้มาตรการควบคุม และการผ่อนคลายกิจการหรือกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละระดับพื้นที่ ซึ่งจำเป็นต้องพิจารณาร่วมกันอย่างรอบคอบในทุกมิติ

ผมตระหนักดีว่าทุกคนกำลังลำบาก สิ่งที่ผมพยายามทำคือสร้างสมดุลระหว่าง 2 เรื่อง เรื่องแรกคือความเข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาดเพื่อป้องกันความเสียหายต่อชีวิต สุขภาพ และเศรษฐกิจของประเทศที่จะยิ่งหนักหนาสาหัสในระยะยาว และเรื่องที่สองคือการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ให้พี่น้องประชาชนพอที่จะสามารถใช้ชีวิตประจำวัน และทำมาหากินกันได้

สิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยยับยั้ง และควบคุมการแพร่ระบาด เพื่อให้เรากลับไปใช้ชีวิตที่เกือบจะปกติได้ในระดับหนึ่ง คือการที่ทุกคนมีวินัย และมีความรับผิดชอบต่อสังคม สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา หมั่นล้างมืออยู่เสมอ เว้นระยะห่างทางสังคม และหลีกเลี่ยงการรวมตัวกัน ขอบคุณครับ”

อนุทิน เผยได้เสนอ ขยายเวลาเปิดร้านอาหาร ไปถึง 5 ทุ่ม ให้ที่ประชุม ก่อนการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวก่อนการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ว่า กระทรวงสาธารณสุข จะรายงานข้อมูลทั้งหมดที่รวบรวบและเสนอมาตรการไป รวมทั้งกิจกรรม กิจการใดที่สามารถผ่อนปรนได้บ้าง อะไรที่สามารถทำได้ก็ต้องรีบทำ ส่วนร้านอาหารจะมีการเสนอขยายเวลาให้เปิดบริการถึงเวลา 23.00 น. แต่ยังไม่สามารถจำหน่ายสุราได้

มงคลกิตต์ ส่งจดหมายด่วนถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ถามเหตุผลที่ตนเองและพีระวิทย์ ไม่ได้รับ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ นาย มงคลกิตต์ สุขสินธารานน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ เผยภาพจดหมายด่วน เรื่อง ขอสอบถามกรณีที่ไม่ถูกเสนอชื่อขอรับพระราชทาน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ถึง เลขาธิการคณะรัฐมนตรี

“มาตามเหตุผลไม่ได้รับเครื่องราชฯ ส.ส.เต้007 & ส.ส.เอ๋ พระบาท เท่าที่เช็คแล้วที่ สำนักงานเลขาธิการสภาแทนราษฏร และ เอกสารนำส่งตรวจคุณสมบัติยืนยันคุณสมบัติ ว่าทางประธานสภาผู้แทนราษฏร สรุปว่ามีรายชื่อทั้ง 2 ราย ผ่านคุณสมบัติ นำส่งที่ สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว และ ได้ทราบจากกองงานสำนักเครื่องราชฯ ว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบ ให้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้พิจารณาในส่วนของ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล-ส.ส.ฝ่ายค้าน และ สว. ปล:รอหนังสือตอบมา ว่าเป็นอย่างไร” นายมงคลกิตต์ กล่าวผ่าน Facebook ส่วนตัว

อนุทิน จี้ กทม.พิจารณาโทษ ปาร์ตี้ดีเจมะตูม

อนุทิน จี้ กทม. กทม.พิจารณาโทษ ปาร์ตี้ดีเจมะตูม ชี้หากไม่เร่งดำเนินการผิดกฎหมาย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีผู้ติดเชื้อ โควิด-19 จากคลัสเตอร์งานเลี้ยงวันเกิด ดีเจมะตูม ซึ่งพบว่า มีการปกปิดข้อมูล โดยอ้างว่าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ทั้งหมดแล้ว แต่ไทม์ไลน์ที่เปิดเผยต่อสาธารณะไม่ตรงกับที่ตนเองให้

หากเป็นเช่นนั้น ก็ให้ออกมาชี้แจงว่าเจ้าหน้าที่บิดเบือนข้อมูลอย่างไร การบิดเบือนคำให้การก็มีความผิด ดังนั้น เจ้าหน้าที่จะทำความเดือดร้อนให้กับตนเองทำไม โดยวัตถุประสงค์การสอบสวนโรค ก็เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจาย ตนมั่นใจว่าไม่มีเจตนาประสงค์ร้ายต่อผู้ให้ข้อมูล จึงควรให้ข้อมูลมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เป็นสิ่งที่ต้องทำตามกฎหมายว่า ไปสัมผัสกับใคร ไปที่ไหนอย่างไร

นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ตนแจ้งให้กรมควบคุมโรค ออกหนังสือไปที่สำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร เร่งดำเนินการตามกฎหมายกำหนด เพื่อดูว่ามีความผิดอย่างไร ละเมินประกาศของ ศบค. หรือไม่ ซึ่งมีหลายประเด็น ผู้ดำเนินการจะเป็นเจ้าพนักงานของกรุงเทพมหานคร หากไม่เร่งดำเนินการก็จะผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

“สธ. ไม่ได้ตามจับเอง แต่ต้องมีเจ้าหน้าที่ของรัฐไปดำเนินการ เจ้าพนักงานที่หน้าที่สอบสวนให้ได้ข้อมูลมากที่สุด ป้องกันไม่ให้เชื้อกระจายวางกว้าง ทุกอย่างทำเพื่อความปลอดภัยของประชาชนทุกคน ก็ขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือมากที่สุด” นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถามว่าการนำกฎหมายมาเอาความผิด จะส่งผลให้มีการปกปิดข้อมูลมากขึ้นหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สอบสวนโรค มีวิธีการสอบสวน ปิดไม่ได้ เพราะหากพบว่าปกปิดข้อมูล จะเข้าข่ายความผิดเรื่องการไม่ให้ความร่วมมือสอบสวนโรค ก่อให้เกิดอันตรายกับประชาชนอื่น

แนะนำ : รีวิวเครื่องใช้ไฟฟ้า | รีวิวอาหารญี่ปุ่น| รีวิวที่เที่ยว | ดาราเอวี